การพ่วงแบต จั๊มแบตเตอรี่รถยนต์ มีขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้
บีบีแบตเตอรี่ แชร์ความรู้เกี่ยวกับการพ่วงแบตเตอรี่ สามารถนำไปใช้งานได้จริงเมือเกิดเหตุฉุกเฉินกับคุณ
ข่าวดี!! บีบีแบตเตอรี่ เปิด บริการพ่วงแบตเตอรี่ จั๊มแบตเตอรี่ เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ นอกสถานี่ 087-908-4528,02-931-1735
บริการพ่วงแบตเตอรี่ บริการจั๊มแบตเตอรี่รถยนต์ เหมาะกับใคร?
- บริการพ่วงแบตเตอรี่นอกสถานที่ เหมาะกับคนที่ยังไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ เช่น คุณอาจแค่ลืมเปิดไฟทิ้งไว้ ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า ไฟหลังคา หรือระบบไฟใดๆในรถยนต์ ทำให้แบตเตอรี่แค่ไฟหมด ซึ่งเป็นปัญหาที่เจอกันอยู่เนืองๆ โดยที่แบตเตอรี่รถยนต์อาจจะยังไม่เสื่อม กรณีนี้ก็สามารถโทรมาใช้บริการพ่วงแบตเตอรี่กับเราได้.
- กรณีรถจอดไว้นาน ไม่ได้มีการใช้งาน กรณีนี้ก็เหมาะที่จะใช้บริการจั๊มแบตเตอรี่กับเรา.
- บริการจั๊มแบตเตอรี่ เหมาะกับคนที่ไม่แน่ใจในอาการที่สตาร์ทไม่ติด คุณอาจกำลังกังวลว่าอาการสตาร์ทรถไม่ติดเกิดมาจากสาเหตุใดกันแน่ ซึ่งถ้าไม่ใช่อาการแบตเตอรี่เสื่อม คุณก็ยังไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ ให้เราไปบริการจั๊มแบตเตอรี่ให้คุณ.
เงื่อนไขและค่าบริการพ่วงแบตเตอรี่
- อัตราค่าบริการพ่วงแบตเตอรี่ เริ่มต้นที่ 300 ถึง 500 บาท แล้วแต่ระยะทาง
- ในการเรียกใช้บริการ เราเรียกเก็บค่าบริการเป็นครั้ง
- ในกรณีที่พนักงานทำการพ่วงหรือจั๊มแล้ว แต่รถยนต์ยังสตาร์ทไม่ติด ด้วยเหตุใดๆก็ตาม ลูกค้าต้องชำระค่าบริการ 100% ตามที่ตกลงกันไว้
- พื้นที่ในการบริการพ่วงแบตเตอรี่ อยู่ที่ทางร้านกำหนด เราอาจขอสงวนสิทธิ์การให้บริการในบางพื้นที่ และบางเวลา
การพ่วงแบตเตอรี่ รถยนต์ ที่ร้านมีคำแนะนำ และยินดีให้บริการครับ ยังไง ลองโทร.มาปรึกษา ได้ที่ 08-7908-4528
ขั้นตอนง่ายๆ กับ การพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์
ขั้นตอนที่ 1 จำเป็นที่ต้องมีสายพ่วงแบตเตอรี่ ติดรถไว้เสมอ หารถอีกคันเพื่อทำพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์
ขั้นตอนที่ 2 แน่ใจว่าแบตเตอรี่ของคุณ พ่วงสายได้ ให้ลองดูว่าน้ำกลั่นแข็งหรือไม่ หากแข็งไม่ต้องพ่วงแบตเตอรี่แล้ว
ควรเปลี่ยนใหม่ และหากคุณพบรอยแตกที่แบตเตอรี่ เป็นเรื่องร้ายที่สุด และคุณก็ควรโดยตามช่างมาเปลี่ยนใหม่
ขั้นตอนที่ 3 ควรดับเครื่องรถทั้งสองคันก่อนการพ่วงสายแบตเตอรี่
ขั้นตอนที่ 4 พ่วงสายแบตเตอรี่ ที่แบตเตอรี่แต่ละตัว จะมีขั้วโลหะสองขั้ว อันหนึ่งเป็นขั้วบวก (+) และอีกอันเป็นขั้วลบ (-)
หนีบสายพ่วงที่เป็นขั้วบวกที่รถทั้งสองคันให้ตรงกัน จากนั้นหนีบสายพ่วงขั้วลบเข้ากับรถที่มีแบตเตอรี่เต็ม
อีกด้านต่อกับตัวถังรถของคันที่แบตเตอรี่หมด อย่าให้สายขั้วลบไปแตะกับแบตเตอรีที่หมด หรือตำแหน่งอื่นๆ
ที่ใกล้กับแบตเตอรี่
ขั้นตอนที่ 5 สตาร์ทเครื่องยนต์! ติดเครื่องรถคันที่มีแบตเตอรี่เต็มและทิ้งเอาไว้สักพัก หลังจากนั้นให้ลองสตาร์ทเครื่องรถอีกคัน
ถ้าไม่ได้ ให้ทิ้งเอาไว้อีกสักพักแล้วลองใหม่
ขั้นตอนที่ 6 ถอดสายพ่วงออกจากรถที่มีแบตเตอรี่ก่อน แล้วจึงถอดจากคันที่มาขอพ่วง แล้วออกรถไปได้เลย
แต่ต้องระวังอย่าดับเครื่องนะคับ ไม่งั้นก็ต้องพ่วงแบตเตอรี่อีก
ถ้าไม่อยากอารมณ์เสีย หรือเสียเวลากับเรื่องแบตเตอรี่อีก ก็โทรเรียกใช้บริการ ร้าน บีบี แบตเตอรี่ ได้นะคับผม
“จัมพ์แบต”เรื่องง่ายๆที่ทำ(ไม่)ยาก
ขั้นตอนที่ 1 ต่อหัวสายพ่วงสีแดงเข้ากับขั้วบวกแบตเตอรี่ที่ไม่มีไฟ
เวลาขับรถบนท้องถนน ความปลอดภัยในการเดินทางเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด แต่บ่อยครั้งก็มักเกิดปัญหาไม่คาดคิดโดยเฉพาะปัญหาแบตเตอรี่หมด ที่ทำให้ระบบเครื่องยนต์หยุดชะงัก และเป็นปัญหาที่ต้องรีบแก้ไขเฉพาะหน้า ด้วยวิธีการต่อสายพ่วงแบตเตอรี่ หรือที่เรียกกันติดปากว่า “จัมพ์แบตเตอรี่” เพื่อให้เกิดกำลังไฟเพียงพอที่จะทำให้ระบบต่างๆ ของเครื่องยนต์ทำงาน และสามารถเดินรถต่อไปได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
ขั้นตอนที่ 2 ต่อหัวสายพ่วงสีแดงอีกด้านเข้ากับขั้วบวกแบตเตอรี่รถที่มีไฟ
นายประกาสิทธิ์ พรประภา กรรมการ บริษัท สยามยีเอส แบตเตอรี่ จำกัด และบริษัท สยามยีเอสเซลส์ จำกัด ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ “GS แบตเตอรี่” ให้คำแนะนำว่าปัญหาของแบตเตอรี่หมดระหว่างการขับรถบนท้องถนนอาจเกิดได้จาก หลายสาเหตุ ทั้งสายต่อไดชาร์จหลวม น้ำกลั่นหมด แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ หรือกำลังไฟของแบตเตอรี่มีไม่เพียงพอ การจัมพ์แบตเตอรี่เป็นวิธีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า โดยจะต้องมีสายพ่วงแบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์เสริม และต่อสายพ่วงกับรถยนต์อีกคันหนึ่งในการชาร์จไฟ เพื่อให้ระบบได้ทำงาน หลังจากนั้นจึงนำรถยนต์ไปเปลี่ยนแบตเตอรี่ และเช็คสภาพความพร้อมของเครื่องยนต์จากช่างผู้เชี่ยวชาญอีกครั้งหนึ่ง
ขั้นตอนที่ 3 ต่อหัวสายพ่วงสีดำหรือเขียวเข้ากับขั้วลบแบตเตอรี่ที่มีไฟ
“การจัมพ์แบตเตอรี่สามารถทำได้เอง แต่ต้องระมัดระวัง เพราะแบตเตอรี่ มีส่วนประกอบหลัก คือ น้ำกรดที่มีคุณสมบัติเป็นตัวการกัดกร่อนพื้นผิว ซึ่งขณะที่แบตเตอรี่กำลังทำงานจะเกิดก๊าซไฮโดรเจนสะสมในตัวแบตเตอรี่ จึงควรระวังในเรื่องประกายไฟ เพราะอาจเกิดอันตรายระหว่างจัมพ์แบตเตอรี่ได้”
**วิธีการ ‘จัมพ์แบตเตอรี่’**
เมื่อแบตเตอรี่หมดให้ปิดสวิตช์กุญแจและอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดของรถและขอความ ช่วยเหลือจากรถยนต์ที่มีแบตเตอรี่ เพื่อต่อสายพ่วงแบตเตอรี่ นำหัวสายพ่วงของสายพ่วงสีแดงซึ่งเป็นสายขั้วบวกมาต่อกับขั้วบวก (+) ของรถยนต์ที่แบตเตอรี่หมด หลังจากนั้นนำหัวต่ออีกข้างต่อเข้ากับขั้วบวก (+) ของแบตเตอรี่รถยนต์อีกคัน นำหัวสายพ่วงของสายพ่วงสีเขียวหรือสีดำซึ่งเป็นสายขั้วลบมาต่อกับขั้วลบ (-) ของแบตเตอรี่รถยนต์อีกคัน ควรตรวจเช็คให้แน่ใจว่าสายพ่วงต่อแน่นหนา
ขั้นตอนที่ 4 ต่อหัวสายพ่วงสีดำหรือเขียวเข้ากับตัวถังรถคันที่แบตเตอรี่ที่ไม่มีไฟ
ต่อจากนั้นนำสายหัวต่อที่เหลือต่อเข้ากับส่วนที่เป็น โลหะของเครื่องยนต์หรือตัวถังรถยนต์ของรถยนต์ที่แบตเตอรี่หมด โดยควรต่อให้ห่างจากแบตเตอรี่มากที่สุด จากนั้นสตาร์ทเครื่องยนต์คันที่แบตเตอรี่มีไฟ ทิ้งไว้ประมาณ 3 นาที แล้วเร่งเครื่องยนต์เล็กน้อยเพื่อให้แบตเตอรี่มีการไหลเวียนของประจุไฟฟ้า หลังจากนั้น เริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์คันที่แบตเตอรี่หมด จากนั้นเร่งเครื่องยนต์ประมาณ 1,500 – 2,000 รอบ/นาที เพื่อเช็คดูว่าประจุไฟเข้าหลังจากการชาร์จหรือไม่ ซึ่งถ้าเครื่องยนต์ไม่ดับแสดงว่าการชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่สำเร็จ
จากนั้นถอดสายพ่วงสีเขียว หรือสายขั้วลบ (-) ออกจากตัวถังรถคันที่แบตเตอรี่หมด และตามด้วยหัวต่อขั้วลบของแบตเตอรี่ที่มีไฟ จากนั้นจึงถอดสายสีแดงหรือสายขั้วบวก (+) จากรถคันที่แบตเตอรี่หมด และถอดหัวสายพ่วงจากแบตเตอรี่ที่มีไฟ ปิดฝาช่องเติมน้ำกลั่นให้ครบทุกช่องและควรสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที หรือขับรถไปเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็คเครื่องยนต์และเปลี่ยนแบตเตอรี่ ใหม่
ขั้นตอนที่ 5 สตาร์ทเครื่องยนต์เริ่มจากรถที่แบตเตอรี่มีไฟก่อน
**ปลอดภัยเวลา “จัมพ์แบตเตอรี่”**
– ไม่สตาร์ทเครื่องยนต์ระหว่างต่อสายพ่วงแบตเตอรี่
– เวลาต่อสายพ่วงแบตเตอรี่ อย่าสูบบุหรี่หรือทำสิ่งใดๆ และระวังอย่าให้สายพ่วงแบตเตอรี่สัมผัสกัน เพราะอาจทำให้เกิดประกายไฟได้
– ทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ทั้งขั้วบวกและขั้วลบ โดยใช้น้ำร้อนราดที่ขั้วแบตเตอรี่ทั้ง 2 ขั้ว เพื่อขจัดคราบเกลือที่เกาะติดอยู่
– ตรวจเช็คกำลังไฟของแบตเตอรี่ก่อน เพราะแบตเตอรี่ขนาด 6 โวลต์ หรือ 24 โวตล์ ไม่สามารถนำมาพ่วงกับแบตเตอรี่ขนาด 12 โวลต์ได้ เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่เกิดการระเบิดขึ้นได้
– ตรวจเช็คสภาพแบตเตอรี่ก่อนทุกครั้ง โดยดูจากที่วัดของแบตเตอรี่ หรือใช้ที่วัดความถ่วงจำเพาะ(HYDROMETER) บริเวณด้านข้างของแบตเตอรี่ ซึ่งสามารถสังเกตได้ง่ายๆ เช่น สีเขียว = ประจุไฟฟ้าเต็ม สีน้ำตาลหรือสีดำ = ประจุไฟหมด สีเหลือง=แบตเตอรี่หมดอายุการใช้งาน
ข่าวดี! วันนี้ บีบีแบตเตอรี่ เปิด บริการพ่วงแบตเตอรี่ จั๊มแบตเตอรี่แล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9520000076157
คลิปวีดีโอ บริการเปลี่ยนแบตเตอรี่ ร้านบีบี
บทความแนะนำ
ร้านรับเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ ช่างอากาศอุทิศ บริการฟรี
BB Battery […]